มุมมองของเด็กตาบอดและชายคนหนึ่ง
(ตาบอดก็มีมุมมองแบบบอด ๆ)
เด็กตาบอดคนหนึ่งนั่งอยู่บนบันไดตึก มีกระป่องใส่เศษสตางค์อยู่แทบเท้า และมีป้ายเขียนว่า
“ผมตาบอดครับ ช่วยผมด้วยครับ” ในกระป่องมีเศษสตางค์ไม่กี่เหรียญ
ชายคนหนึ่งเดินผ่านมา ล้วงกระเป๋าหยิบเศษสตางค์หยอดลงกระป่อง แล้วหยิบป้ายขึ้นมาพลิกกลับด้าน เขียนข้อความลงไปใหม่ แล้ววางให้ด้านที่เขาเขียนหันหน้าออก เพื่อให้คนที่ผ่านไปมาอ่านได้
ปรากฏว่า .... อีกไม่นานก็มีเศษสตางค์เต็มกระป๋องของเด็กตาบอด ตกเย็น ชายที่เปลี่ยนข้อความกลับมาดูผมงานของเขา เด็กตาบอดจำฝีเท้าของเขาได้ “ท่านครับ ท่านเป็นคนที่เปลี่ยนป้ายเมื่อเช้านี้ไหมครับ ท่านเขียนว่าอะไรขอรับ?” เด็กขอทานถามด้วยความสงสัย
“พ่อหนู ฉันก็เขียนความจริง ฉันเขียนแบบเดียวกับที่หนูเขียนนั่นแหละ แต่ว่า
เปลี่ยนมุมมองเท่านั้นเอง”
ชายคนนั้นเขียนบนป้านเสียใหม่ว่า
“วันนี้ช่างเป็นวันที่สดใส แต่เสียดายที่ผมมองไม่เห็น”
คุณคิดว่าสองข้อความพูดเรื่องเดียวกันใช่ไหม
ป้ายทั้งสองด้านบอกผู้อ่านว่าเด็กตาบอดเหมือนกัน ป้ายด้านแรกส่งข้อความตามจริงว่าเด็กตาบอด แต่ด้านใหม่ทำให้ผู้อ่านคิดได้ว่าตัวเองเป็นคนโชคดีที่ตาไม่บอด ดังนั้น ผลสัมฤทธิ์จึงต่างกันมาก
นิทานเรื่องสอนให้รู้ว่า : เราโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ในวันนี้ จงคิดอย่าง
สร้างสรรค์ หมั่น
เปลี่ยนมุมมอง จ้องโลกแต่ใน
แง่บวก ผนวกทุกอย่างด้วย
Kaizen
ข้อคิด : เราทุกคนเป็น “
ชายคนนั้น” ได้ไม่ว่าเราจะเพศใด ปกติถ้าเราเป็นคมมีเมตตา เราอาจจะสละเงินหยอดกระป๋องช่วยเดิกพิการแล้วก็เดินผ่านไป อิ่มกับผลทานที่ทำไป
แต่ชายคนนั้น :
คุณคิดว่าคุณทำแบบ “ชายคนนั้น” ในเรื่องอื่น ๆ ได้ไหมครับ “ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้ คุณก็จะทำได้”
ด้วยมิตรภาพ
ธัญญา ผลอนันต์
8 พฤศจิกายน 2551
ที่มาดัดแปลงมาจาก http://board.palungjit.com/showthread.php?t=22445&page=1188
No comments:
Post a Comment